บทที่ 15 เการั่วซี (๔)
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะเถ้าแก่”
เสียงหวานใสของเฉินหว่านอิ๋งเอ่ยกับเถ้าแก่เนี้ยเจ้าของร้านขายผ้าแพรสำหรับตัดเสื้อผ้าชุดใหม่ของตน พลันสายตาหวานสังเกตเห็นสตรีคนเดิมที่ตนได้เดินชนเมื่อสักครู่กำลังเดินเข้าไปในร้านอาหารอันเลื่องชื่อของเมืองหลวง สตรีผู้นั้นคืออู๋ฮองเฮากับนางกำนัลคนสนิท
หลังจากจ่ายเงินให้กับเจ้าของร้านอาภรณ์เสร็จ เฉินหว่านอิ๋งตัดสินใจเดินเข้าร้านอาหารที่อยู่ติดกัน ซึ่งเป็นร้านเดียวกับที่อู๋ฮองเฮาเดินเข้าไปเมื่อสักครู่ ร้านแห่งนี้เลื่องชื่อเรื่องอาหารที่เลิศรสนัก โดยเฉพาะอาหารอย่างบะหมี่เป็ดนั้นเลื่องชื่อที่สุดและเป็นอาหารที่ขายดีที่สุดของทางร้านเช่นกัน
“อิ๋งเอ๋อร์” เสียงของเจ้าของร้านอาหารเรียกเฉินหว่านอิ๋งอย่างเป็นกันเอง
“เถ้าแก่เนี้ยนั่นเอง” เฉินหว่านอิ๋งค้อมศีรษะน้อยๆ คำนับเถ้าแก่เนี้ยของร้านด้วยความเคารพ
เถ้าแก่เนี้ยทักทายเฉินหว่านอิ๋งอย่างเป็นกันเอง “ว่าอย่างไรล่ะ วันนี้เจ้าจะมาถ่ายทอดสูตรอาหารที่คิดค้นใหม่ให้ร้านข้าอีกหรือไร”
หญิงสาวยิ้มอย่างขัดเขินเล็กน้อย นางเกาศีรษะเบาๆ “เปล่าหรอกเจ้าค่ะ ช่วงนี้เรื่องที่จวนค่อนข้างวุ่นวายนิดหน่อย เลยไม่ได้มีเวลาคิดค้นสูตรอาหารใหม่ๆ เลย คงมีแต่บะหมี่เป็ดที่ข้าถ่ายทอดให้ร้านท่านเท่านั้นล่ะ”
เป็นเพราะเมื่อก่อนร้านอาหารแห่งนี้เป็นเพียงร้านอาหารเล็กๆ เท่านั้น อีกทั้งยังมีลูกค้าขาประจำเพียงไม่กี่คน แต่ว่าเมื่อหนึ่งปีก่อนเจ้าของร้านได้รู้จักกับเฉินหว่านอิ๋งโดยบังเอิญ ทำให้นางได้ถ่ายทอดสูตรอาหารอย่างบะหมี่เป็ดให้กับเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ รสชาตที่เข้มข้นและเอร็ดอร่อยทำให้ร้านอาหารแห่งนี้เริ่มมีลูกค้าเข้ามามากขึ้น จนสามารถขยับขยายกิจการได้ในระยะเวลาไม่นาน
“เจ้านี่นะอย่าถ่อมตัวไปเลย...” เถ้าแก่เนี้ยคลี่ยิ้มให้กับเฉินหว่านอิ๋ง “เอาเถิด วันนี้อยากได้อะไรล่ะ”
“เปล่าหรอกเจ้าค่ะ ข้าแค่แวะเวียนมาเยี่ยมท่านเท่านั้นเอง” เฉินหว่านอิ๋งคลี่ยิ้มอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะสังเกตเห็นอู๋ฮองเฮานั่งอยู่มุมหนึ่งของร้านที่ค่อนข้างเงียบสงบ
